ศูนย์การเรียนรู้การทำนาอินทรีย์ นายทวี ประสานพันธ์

นายทวี ประสานพันธ์ เกษตรกรบ้านนาเยีย ได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาอาชีพทำนา ประจำปี 2557   และเจ้าของรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2   การประกวดผลผลิตข้าว ประเภทผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่สูงสุด 1,323.25  กก. / ไร่  ในระดับประเทศ ให้สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่  Farmer info   ประจำเครือข่ายสถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกันจังหวัดอุบลราชธานี   ได้กล่าวถึงกิจกรรมทางการเกษตร บนพื้นที่ 14 ไร่ แบ่งออกเป็นการทำนาอินทรีย์ บ่อกักเก็บน้ำและเลี้ยงปลา คอกเลี้ยงสัตว์ ปลูกผักสวนครัว โรงเรือน และที่พักอาศัย และยังมีรางวัลอื่นๆอีกมากมาย ปัจจุบัน นายทวี ประสานพันธ์  ดำรงตำแหน่งหมอดินอาสาประจำอำเภอนาเยีย เป็นปราชญ์ชาวบ้าน และเป็นผู้นำเกษตรกรด้านการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร

นอกจากนี้ยังใช้พื้นที่ส่วนตัว ทำแปลงสาธิตและจุดเรียนรู้ด้านการทำนาอินทรีย์แบบครบวงจรให้กลับผู้ที่สนใจและต้องการเรียนรู้เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวันและพัฒนาอาชีพต่อไป

การเดินทาง

    เดินทางจากตัวเมืองจังหวัดอุบลราชธานี เข้าสู่อำเภอวารินชำราบ แล้วเดินทางตามเส้นทางหลวงหมายเลข24 ถนนสายวารินชำราบ – เดชอุดม จนถึงบริเวณสามแยกตำบลนาส่วง แยกเข้าตำบลนาเยียรวมระยะทางประมาณ 40 กม.   

ที่ตั้ง

บ้านเลขที่8 ม.1 ต.นาเยีย อ.นาเยีย จ.อุบลราชธานี

นายทวี ประสานพันธ์ เล่าว่า การทำนาให้ได้ผลดีต้องยึดหลักการทำนาเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ และให้ความสำคัญเรื่องการ ลด ละ เลิกใช้สารเคมี เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ปราศจากสารเคมีปนเปื้อน การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ข้าวให้ได้คุณภาพ รวมถึงการศึกษาหาความรู้ และประสบการณ์จากหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมส่งเสริมการเกษตร และศูนย์วิจัยข้าวประจำจังหวัด เพื่อให้ได้ต้นข้าวที่มีความแข็งแรง มีความต้านทานโรค และแตกกอได้ดี ซึ่งจะทำให้ปลูกข้าวได้ผลผลิตที่สูงขึ้น  นอกจากนี้ต้องหลีกเลี่ยงการใช้ปุ๋ยเคมี  หันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทน

     การปลูกข้าวให้ได้ผลผลิตสูงแต่ต้นทุนต่ำ ของนายทวี ประสานพันธ์ พบว่าประกอบด้วยองค์ประกอบในหลากหลายด้าน โดยมีจุดเด่นของเทคโนโลยีที่ใช้ในแปลง คือ การใช้เมล็ดพันธุ์ที่ดีและมีคุณภาพ ใช้เมล็ดพันธุ์คัดจากศูนย์วิจัยข้าวอุบลราชธานี  และเพิ่มผลผลิตข้าว โดยการใช้ปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ และน้ำหมักจุลินทรีย์ เน้นการปรับปรุงบำรุงดินให้มีคุณภาพ มีการไถกลบตอซัง ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยหมักแห้ง และน้ำหมักจุลินทรีย์ เพื่อให้ดินมีความอุดมสมบรูณ์ และไม่ใช้สารเคมีในแปลงนา  มีการบริหารจัดการน้ำที่ดีสามารถควบคุมระดับให้เหมาะสมต่อระยะการเจริญเติบโตของข้าว มีการนำวัสดุเหลือใช้ในแปลง ได้แก่ ฟาง หญ้า มาทำเป็นปุ๋ยหมัก รวมทั้งมีการวางแผนการหมักปุ๋ยให้กระจายทั่วแปลงนา เพื่อลดค่าแรงงานในการขนปุ๋ยหมัก และมีการทำน้ำหมักจากเศษอาหาร ผัก ผลไม้ นำไปใช้ในการบำรุงต้นข้าว

นอกจากนี้ได้จัดทำบัญชีครัวเรือน รายรับ-รายจ่าย เพื่อให้ทราบถึงต้นทุนในการประกอบอาชีพ การลงทุนลงแรง ค่าใช้จ่ายทั่วไป  รวมถึงการปฏิบัติตามแนวพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

โดยยึดหลัก3 ลด 2 เพิ่ม 2 ปฏิบัติและ 2 รักษา

3 ลด ได้แก่

1.ลดการใช้เมล็ดพันธุ์ โดยการทำนาปักดำด้วยต้นกล้าเพี่ยงต้นเดียวจะใช้เมล็ดเพียง 3.5 กก./ไร่ ข้าวจะแตกก้องามและให้ผลผลิตดี

2.ลดการใช้ปุ้ยเคมีและสารเคมีทั้งหมด หันมาใช่ปุ๋ยอินทรีย์และน้ำหมักชีวภาพแทน

3.ลดค่าจ้างแรงงาน โดยหันมาใช่แรงงานในครัวเรือนแทน

2 เพิ่ม ได้แก่

1.เพิ่มผลผลิต  คือเมื่อดินมีความอุดมสมบูรณ์หลังจากการลด ละ เลิกการใช่สารเคมีสามารถผลิตข้าวเหนียว กข.6 ได้มากถึง 1,323.25 กก./ไร่ และข้าวหอมมะลิได้มากถึง 1,000 กก./ไร่ ด้วยต้นทุนการผลิตเฉลี่ยเพียง  ไร่ละ 2,844 บาท เท่านั้น

2.เพิ่มมูลค่า  มีการจัดจำหน่ายในรูปแบบเมล็ดพันธุ์ข้าว ซึ้งมีราคาสูงกว่าการขายข้าวเปลือกโดยทั่วไป  และบางส่วนทำการแปรรูปเป็นข้าวกล้อง  ข้าวสาร  ข้าวไรซ์เบอรี่

2 ปฏิบัติ ได้แก่

1.ปฏิบัติการทำบัญชีฟาร์ม หรือบัญชีครัวเรือน โดยการจดบันทึกเพื่อให้ทราบถึงรายรับรายจ่าย และต้นทุนการผลิตทั้งหมด

2.ปฏิบัติตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นแนวคิดการทำการเกษตรให้มีความสุขและสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้ครอบครัว

2 รักษา ได้แก่

1.รักษาสิ่งแวดล้อม ลด ละ เลิก การใช้สารเคมี

2.รักษาสุขภาพร่างกาย ไม่ให้เจ็บ ไม่ป่วย เพื่อพร้อมสู้อุปสรรคต่างๆ

นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งกลุ่มอาชีพเกษตรกรผู้ผลิตพันธุ์ข้าวบ้านนาเยีย ผลิตเมล็ดข้าวพันธุ์ดีส่งให้กลับศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวอุบลราชธานี และสหกรณ์การเกษตรนาเยีย จำกัด เป็นแหล่งเรียนรู้ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ลด ละ เลิกใช้เคมี และยังมีการจัดอบรมศึกษาดูงาน แบบครบวงจร

โดยมีการจัดอบรมเกี่ยวกับเรื่องต่างๆดั้งนี้

-การผลิตข้าวอินทรีย์

-การถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดิน(ร่วมกับสถานีพัฒนาที่ดินอุบลราชธานี สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต4)

-การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร

-การทำตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง

-การทำปุ๋ยหมักชีวภาพ น้ำหมักไล่แมลง

-อื่นๆ

ความเชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

ผศ.ประชุม ผงผ่าน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี  ได้พระราชทานปริญญาบัตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาเกษตรศาสตร์ ปี พ.ศ. 2558 ให้แก่ นายทวี ประสานพันธ์เพื่อเป็นเกียรติและขวัญกำลังใจ  นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ ที่ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานีได้ทำร่วมกันมาโดยตลอดเช่น

-คณะเกษตรศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานีได้นำนักวิชาการลงพื้นที่สนับสนุนและเรียนรู้ ด้านการผลิตปุ๋ยอินทรีย์

-มีการฝึกอบรมให้กับกลุ่มเกษตรกรร่วมกัน โดยทางมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราธานีได้ส่งบุคคลากรร่วมเป็นวิทยากรและจัดทำหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง

-สำนักบริการวิชาการชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราธานี ได้นำนักศึกษาลงพื้นที่ศึกษาดูงาน เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

-เรียนเชิญนายทวี ประสานพันธ์ ร่วมจัดนิทรรศการเพื่อเผยแพร่การดำเนินงาน และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่สนใจ

-เชิญร่วมเป็นวิทยากรบรรยายให้กับหน่วยงานต่างๆ

การดำเนินงานร่วมกันในอนาคต

1.มีการเชื่อมโยง ในกิจกรรมการศึกษาดูงาน เรียนรู้วิธีการทำข้าวอินทรีย์และเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

2.การเป็นผู้นำ การบริหารจัดการพื้นที่ในการทำกิน

3.เป็นแหล่งเรียนรู้ ให้กับนักศึกษา คณาจารย์ และเกษตรกรที่สนใจ ได้ศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับข้าวอินทรีย์